• 038-278767, 081-8615098, 081-9812199

เคล็ดลับ

 

เคล็ดลับในการเรียนสู่ความสำเร็จ  

บทความนี้กล่าวถึงเรื่อง “วิธีการเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ” โดยเนื้อหาจะถูกแบ่งเป็นวิธีการเรียนในสองระดับชั้น ได้แก่ การเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา และการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย มีใจความสำคัญ ดังต่อไปนี้

ระดับชั้นมัธยมศึกษา

 1.ตั้งเป้าหมาย

เริ่มตั้งเป้าหมายว่า เราอยากจะเข้าคณะอะไร ในสถาบันการศึกษาแห่งไหน ซึ่งคณะและสถาบันการศึกษาดังกล่าวจะต้องเป็นสายวิชาที่เราชอบ เพราะถ้าเราได้เรียนในสิ่งที่เราชอบเราจะมีความสุขและประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ฉะนั้น เมื่อตั้งเป้าหมายได้แล้วว่าจะเรียนที่ไหน หลังจากนั้นให้ไปเยี่ยมชมคณะและมหาวิทยาลัยด้วยตนเอง เพื่อซึมซับบรรยากาศและความรู้สึกต่าง ๆ ณ สถานที่แห่งนั้น พยายามจดจำภาพและความรู้สึกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อภาพทุกภาพถูกตรึงเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเรา สิ่งนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้เราเกิดกำลังใจในการอ่านหนังสือ และจะเป็นตัวที่คอยเตือนให้เรามีสติรู้ว่า ตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร ตอนนี้เราควรทำสิ่งใดและไม่ควรทำสิ่งใด นอกจากนั้น นักเรียนที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งจิตว่า “จะต้องเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยดังกล่าวให้ได้” เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่นอนตรึงอยู่ในใจแล้ว ให้เริ่มตั้งใจอ่านหนังสือด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเท รวมสมาธิทั้งหมดลงสู่เรื่องเรียนอย่างเดียว เรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความรักจะต้องพักเอาไว้ก่อน มิฉะนั้น จิตใจเราจะวอกแวกว้าวุ่น สมาธิจะแตก ห่วงหน้าพะวงหลัง ทำให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง และจะทำให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ในที่สุด

 2.ศึกษาแนวข้อสอบ

ศึกษาแนวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยย้อนหลังสิบปี ลองฝึกทำและวิเคราะห์ดูว่าเราถนัดและไม่ถนัดเรื่องไหนบ้าง เพื่อจะรู้ว่าความสามารถที่แท้จริงของเรานั้นอยู่ในระดับไหน ยังต้องปรับปรุงในส่วนใดอีกบ้าง และควรเริ่มทำในเรื่องเรื่องที่ยากและสำคัญที่สุดก่อน

3.ให้ความสำคัญกับวิชาหลักของคณะที่เราจะสอบเข้า

ให้สนใจและให้ความสำคัญที่วิชาหลักของคณะที่เราจะสอบเข้า เช่น คณะบริหารธุรกิจให้เน้นที่วิชาเลขและวิชาภาษาอังกฤษ เป็นต้น โดยวิชาดังกล่าวนั้น เราจะต้องทำคะแนนให้ได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ จึงจะมีโอกาสสูงในสอบติด

 4.เรียนพิเศษเสริมในโรงเรียนกวดวิชา

เลือกเรียนพิเศษในโรงเรียนกวดวิชาดี ๆ เพราะคุณครูตามโรงเรียนกวดวิชานั้นจะมีการศึกษาและวิเคราะห์ข้อสอบมาเป็นอย่างดีแล้ว พร้อมกับการมีเทคนิคต่าง ๆ ในการสอนและในการทำข้อสอบ ทำให้เรียนแล้วไม่น่าเบื่อ และยังช่วยให้เราทำข้อสอบได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว นอกจากนั้น การเรียนในโรงเรียนกวดวิชาจะทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น เพราะบรรยากาศเอื้ออำนวยให้เรียน เนื่องจากนักเรียนที่ไปเรียนในโรงกวดวิชานั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเด็กที่มีความขวนขวายในการศึกษาเล่าเรียน และมีความมุ่งมั่นที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ จึงทำให้บรรยากาศนั้นน่าเรียนตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม การเรียนในโรงเรียนย่อมมีความสำคัญด้วยเช่นเดียวกันเพราะเป็นการสอนตั้งแต่ระดับพื้นฐานเพื่อช่วยในการนำไปต่อยอดความรู้จากสถาบันกวดวิชาต่อไป

 5.สรุปเนื้อหาความรู้ของแต่ละวิชา

ทบทวนและสรุปเนื้อหาความรู้ต่าง ๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาจากทั้งในโรงเรียนและสถาบันกวดวิชา โดยการถามตัวเองว่า แก่นความรู้ของวิชานี้อยู่ตรงไหน เนื้อหาสำคัญมีอะไรบ้าง มีประเด็นใดที่เราต้องศึกษาเพิ่มเติม เราเข้าใจถ่องแท้แล้วหรือยัง และเราจำอะไรได้บ้าง เป็นต้น การสรุปเนื้อหาคือ การคุยกับตัวเองและเขียนสรุปประเด็นออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อทำให้เราเห็นตนเองชัดขึ้น จะได้ไม่เกิดความท้อในการอ่านหนังสือ เพราะเมื่อเขียนออกแล้วเราจะรู้ว่าสิ่งใดควรอ่านบ้างและมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่มากอย่างเราคิดไว้ก็ได้

 6.สวดมนต์เพื่อสร้างกำลังสมาธิ

กำลังสมาธิจะช่วยให้เราสามารถเข้าใจเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย จดจำข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สามารถตอบคำถามได้อย่างตรงประเด็น และอ่านเท่าไรก็ไม่เหนื่อย ฉะนั้น กำลังสมาธิจึงเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะการพยายามจดจำข้อมูลมากมายในระยะเวลาที่จำกัด หากไม่มีกำลังสมาธิเพียงพอคงจะทำได้ยาก หรืออาจจะต้องเสียเวลามากจนเกินไป

 ระดับมหาวิทยาลัย

1.ตั้งเป้าหมาย

ตั้งเป้าหมายว่า “เราจะต้องคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้” สิ่งนี้สำคัญมากเพราะการได้เกรดเฉลี่ยดี ๆ จะช่วยให้นักศึกษาสามารถเรียนต่อ และหางานได้ง่ายขึ้น นอกจากนั้น นักศึกษาจะต้องตระหนักอยู่ในใจเสมอว่า การเรียนเก่งจะทำเราได้รับการยอมรับจากสังคม หางานง่าย และเป็นเกียรติประวัติติดตัวตลอดกาล ฉะนั้น นักศึกษาจึงไม่ควรลงเรียนในรายวิชาที่เนื้อหามีความยากจนเกินไป หรือในกรณีที่คุณครูผู้สอนถ่ายทอดความรู้ไม่เก่ง ทำให้เรียนเข้าใจยาก และถึงแม้ว่าอาจารย์คนนั้นจะเก่งแค่ไหนก็ตาม วิชานี้ก็ไม่ควรเลือกที่จะลงเรียนเพราะอาจทำให้เรียนไม่จบหรือได้คะแนนไม่ดี อย่างไรก็ตาม หากเป็นวิชาบังคับเลือกไม่ได้ นักศึกษาจะต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้น หมั่นทบทวนวิชาความรู้ และปรึกษาอาจารย์ผู้สอนหากมีเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ เป็นต้น

 2.เห็นข้อดีของการตั้งใจเรียน

การตั้งใจเรียนจะเป็นการสร้างระเบียบวินัยในชีวิต ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่า คนที่เรียนเก่งประสบความสำเร็จมักจะมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ รู้ว่าควรทำอะไร เมื่อไหร่และอย่างไร ฉะนั้น การตั้งใจเรียนให้ประสบความสำเร็จนอกจากจะได้เกรดเฉลี่ยสูง ๆ แล้ว ยังจะเป็นการช่วยสร้างนิสัยที่ดีได้ด้วย ฉะนั้น ช่วงเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นสี่ปีแห่งการค้นหาตัวเองว่า แท้จริงแล้วเราชอบอะไรกันแน่ เมื่อเรียนจบแล้วเราอยากทำอาชีพอะไร ยิ่งเราค้นพบตัวเองได้เร็วเท่าไร เราจะยิ่งมีความสุขในการเรียนมากยิ่งขึ้น ทุก ๆ วันที่ผ่านไปจะเสมือนการก้าวข้ามสะพาน ซึ่งจะนำพาเราไปถึงเป้าหมายที่เราใฝ่ฝันไว้ เราจะเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้นไปอีก เมื่อนั้นผลการเรียนย่อมดีขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน

 3.ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้

การเรียนต่อต่างประเทศมีข้อดีมากมาย นอกจากจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองแล้ว เรายังสามารถนำความรู้ที่ทันสมัยมาพัฒนาประเทศชาติต่อไปได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากเราขาดแคลนทุนทรัพย์ในการจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เรายิ่งจะต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น และพยายามชิงทุนการศึกษาเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้

 4.สวดมนต์เพื่อสร้างกำลังสมาธิ

กำลังสมาธิจะช่วยให้เราเรียนรู้ได้รวดเร็ว มีความจำดี เรียนได้โดยไม่เครียด และประหยัดเวลาในการจดจำและทบทวนบทเรียน ทำให้เราสามารถใช้เวลาที่เหลือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อีกด้วย

 5.ตั้งใจเรียน เข้าเรียนสม่ำเสมอ และหมั่นทบทวนเนื้อหาเป็นประจำ

ขณะที่เรียนเราควรพยายามสร้างมโนภาพตามเนื้อหาที่อาจารย์สอน แล้วสรุปเนื้อหาออกมาเป็นประเด็น ๆ จดเป็นคำหลัก ๆ 2-3 คำ หลังจากนั้น ให้นำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลอย่างเป็นระบบโดยให้สรุปเป็นประเด็นสำคัญโดยการคุยกับตัวเองว่า วันนี้เราเรียนอะไรไป ประเด็นหลักคืออะไร และให้เขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งการสรุปเนื้อหานี้อาจทำวันต่อวันหรือสัปดาห์ละครั้งก็ได้

6.ปลูกฉันทะในการเรียน

พยายามบอกตัวเองว่า เรามาเรียน เพื่อนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพ และเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอก ฉะนั้น เราจะต้องตั้งใจเรียนต่อไป เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนรู้ว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไร เราจึงจะเรียนอย่างมีความสุข และในขณะที่เรียน ให้หมั่นถามตัวเองว่า วิชาที่เรากำลังเรียนอยู่นี้ มีเนื้อหาเหมือนกับที่เราเคยรู้มาหรือไม่ หรือขัดแย้งกับความรู้เดิม หรือเป็นความรู้ใหม่ เป็นต้น เพื่อหัดให้ตนเองรู้จักการฝึกคิดพิจารณาและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทักษะนี้สามารถนำไปใช้ในการทำงานในอนาคตได้อีกด้วย

 7.หัดเดาข้อสอบ

ลองจินตนาการว่า ถ้าเราเป็นครู เราน่าจะออกข้อสอบอะไร และในขณะที่ทบทวนบทเรียนอยู่นั้น หากเนื้อหาใดที่ไม่เข้าใจ ควรไปหาความรู้เพิ่มเติมหรือสอบถามอาจารย์ผู้สอนอีกครั้ง

 8.เลือกทบทวนบทเรียนในช่วงเวลาที่ร่างกายและจิตใจเรามีความพร้อมมากที่สุด

ช่วงเวลาของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนถนัดในการอ่านหนังสือตอนกลางคืนมากกว่าตอนเช้าตรู่ เป็นต้น ฉะนั้น เราต้องสังเกตว่าช่วงเวลาใดเป็นช่วงที่เหมาะกับเรามากที่สุด

9.อย่าเรียนมากนัก

การเรียนมากกว่าคนอื่นบางทีก็มิได้เป็นตัวตัดสินว่า เราเก่งกว่าผู้อื่น เพราะในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ย่อมมิได้มีอยู่เพียงแค่ในตำราเท่านั้น การเรียนมากเกินไปจะทำให้คิดไม่เป็น เพราะจะเน้นท่องจำอย่างเดียว ฉะนั้น การเรียนที่ถูกต้องคือ เมื่อเรียนแล้วจะต้องกลับไปทบทวนและนำความรู้ต่างมาขบคิดพิจารณาด้วย

10.ฝึกภาษาอังกฤษให้แตกฉาน

ทั้งการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน เพราะความรู้ในปัจจุบัน มักมาจากตำราภาษาอังกฤษ ฉะนั้น หากเรามีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาย่อมเป็นการดี และสิ่งนี้จะช่วยให้เราได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือได้ทำงานในบริษัทต่างชาติชั้นนำอีกด้วย

 ที่มา http://www.drboonchai.com/index.php?option=content&task=view&id=187

 

เคล็ดลับ 20 ข้อ เพื่อชีวิตที่ดี

 1.หาเวลาเดินทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10-30 นาที และควรยิ้มไปด้วย

 2.หัดนั่งอยู่เงียบๆ อย่างน้อยวันละ 10 นาที

 3.กินอาหารจากพืชให้มากขึ้น ลดการกินอาหารจากโรงงาน

 4.ดื่มน้ำเยอะๆ กินบลูเบอรี่ บร๊อคคอรี่ และอัลมอนด์เป็นประจำ

 5.ทำให้คนอื่นยิ้ม อย่างน้อยวันละ 3 คน

 6.อย่าเสียเวลากับเรื่องซุบซิบนินทา เรื่องไม่ดีที่ผ่านไปแล้ว และสิ่งต่างๆที่นอกเหนือการควบคุม แต่ควรทุ่มเวลากับสิ่งที่เป็นประโยชน์ในปัจจุบัน

 7.กินมื้อเช้าเยี่ยงราชา มื้อกลางวันเยี่ยงเจ้าชาย มื้อเย็นเยี่ยงเด็กนักเรีบน

 8.ชีวิตไม่มีคำว่าเท่าเทียม แต่มันก็ยังดีอยู่

 9.ชีวิตนี้สั้นเกินไปที่จะเสียเวลาไปกับการเกลียดใคร ให้อภัยคนนั้นในทุกเรื่อง

10.ไม่จำเป็นต้องชนะในทุกเรื่อง หัดเห็นด้วยกับเรื่องที่ไม่เห็นด้วยบ้างก็ได้

11.อย่ายึดมั่นถือมั่นตัวเองมากเกินไป เพราะคนอื่นเขาไม่คิดเหมือนคุณ

12.ปล่อยให้อดีตอยู่อย่างสงบสุข เพื่อที่จะได้ไม่มารบกวนชีวิตปัจจุบัน

13.อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเจออะไรมาแล้วบ้าง

14.ไม่มีใครต้องมารับผิดชอบความสุขในชีวิตคุณ ยกเว้นตัวคุณ

15.เวลาเกิดเรื่องที่คุณคิดว่า ร้ายแรงมากต่อความรู้สึก ให้ถามตัวเองต่อว่า อีก 5 ปีข้างหน้า ยังคิดแบบเดิมหรือไม่

16.ให้ความช่วยเหลือแก่คนที่ต้องการ จงเป็นคนใจกว้าง และควรเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ

17.สิ่งที่ผู้อื่นคิดเกี่ยวกับตัวคุณ ไม่ใช่เรื่องของคุณ ดังนั้นไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้

18.เวลา คือ ผู้เยียวยาทุกสิ่ง

19.ไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะดีหรือแย่ มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด

20.การงานที่คุณทำ ไม่ได้ช่วยเหลือคุณเวลาเจ็บป้วย แต่เพื่อนแท้ช่วยคุณได้ จงแบ่งเวลาพบปะเพื่อนบ้าง

เครดิต Learning Petals

 

"มือของแม่"

 ชายหนุ่มคนหนึ่งสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการที่บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขาสอบสัมภาษณ์ผ่านรอบแรก และกำลังจะได้รับการสัมภาษณ์รอบสุดท้ายจากผู้อำนวยการ

ผู้อำนวยการเห็นประวัติการศึกษาอันเยี่ยมยอดจากสถาบันมีชื่อ ถามเขาว่า "คุณได้รับทุนใช่ไหม" ชายหนุ่มตอบ "ไม่ครับ"

"งั้นพ่อคุณเป็นคนส่งเสียใช่ไหม"

 "พ่อผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 1 ขวบ แม่เป็นคนเลี้ยงผมครับ"

 "แม่ทำงานอะไร"

 "แม่รับจ้างซักรีดครับ"

ผู้อำนวยการขอดูมือของชายหนุ่ม ซึ่งเป็นมือที่ไม่หยาบและไม่มีริ้วรอย "คุณเคยช่วยแม่ซักผ้าไหม"

 "ไม่เคยครับ แม่ให้ผมตั้งใจเรียนอย่างเดียว นอกจากนี้ แม่ซักผ้ารีดผ้าได้เร็วกว่าผมมาก"

 ผู้อำนวยการพูด "ผมขอให้คุณทำสิ่งหนึ่ง วันนี้เมื่อคุณกลับบ้าน ให้คุณล้างมือให้แม่คุณ แล้วกลับมาพบผมพรุ่งนี้เช้า"

 ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า โอกาสที่เขาจะได้งานสูงมาก เมื่อเขากลับบ้าน เขาขอให้แม่อนุญาตให้เขาล้างมือให้แม่ แม่รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็มีความสุข ลูกชายล้างมือแม่ช้าๆ น้ำตาไหลขณะที่ทำ นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตเห็นว่า มือของแม่เหี่ยวย่นและมีร่องรอยฟกช้ำและแผลแตก บางแผลยังใหม่อยู่ ทำให้แม่นิ่วหน้าเวลาที่ลูกจับถูก

 นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายตระหนักว่า มือคู่นี้ที่ซักผ้าทุกวันส่งเสียให้เขาได้เรียนหนังสือ รอยแผลที่มือ คือ ราคาของความรู้ที่เขาได้รับ ค่ากิจกรรมที่ทำขณะเรียน และอนาคตในหน้าที่การงานของเขา

 หลังจากล้างมือแม่เสร็จ เขาซักเสื้อผ้าที่เหลือต่ออย่างเงียบๆ คืนนั้น เขาคุยกับแม่เป็นเวลานานมาก

 เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มกลับไปพบผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสังเกตเห็นรื้นน้ำตาในตา จึงถามว่า "คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างเมื่อวานนี้"

ชายหนุ่มตอบ "ผมล้างมือให้แม่ และซักเสื้อผ้าแทนแม่ครับ ผมเรียนรู้เรื่อง การซาบซึ้งบุญคุณ ถ้าไม่มีแม่ ก็จะไม่มีผมในวันนี้ ผมตระหนักว่า เป็นการยากและลำบากมากในการทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง และผมซาบซึ้งท่านด้วยครับ ที่ทำให้ผมเรียนรู้ ความสำคัญและการให้คุณค่่ากับการช่วยเหลือครอบครัวคนๆหนึ่ง"

 ผู้อำนวยการพูด "นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้คนที่เป็นผู้จัดการเป็น ผมต้องการคนที่เห็นคุณค่าของการช่วยเหลือบุคคลอื่น คนที่เข้าใจความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่น และคนที่ไม่เห็นเงินเป็นเป้าหมายของชีวิต ผมจ้างคุณ"

ชายหนุ่มทำงานอย่างหนัก และ ได้รับความนับถือจากลูกน้อง ผู้ร่วมงานทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็งและทำงานเป็นทีม ผลประกอบการของบริษัทก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก

 เด็กๆที่ได้รับการปกป้องในทางที่ผิด และ เคยชินกับการได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ละเลยต่อความรู้สึกของผู้อื่น เมื่อเริ่มทำงาน เขาจะคาดหวังว่า ทุกคนต้องฟังเขา ถ้าเขาเป็นผู้จัดการ เขาจะไม่รับรู้ถึงความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่น และจะโทษผู้อื่นตลอดเวลา สำหรับคนแบบนี้ ถึงแม้จะเรียนเก่ง แต่เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ได้นาน เขาจะก่นบ่นว่าแต่คนอื่น เกลียดชังผู้อื่น และรู้สึกว่าต้องต่อสู้แก่งแย่งอยู่ตลอดเวลา

 คุณให้บ้านหลังใหญ่ ให้อาหารรสเลิศ ให้เรียนเปียโน ให้ลูกดูทีวีจอโตได้ แต่ถ้าคุณกำลังตัดหญ้าในสนาม คุณควรให้ลูกได้ทำด้วย หลังกินข้าวให้ลูกล้างชามด้วยกันกับพี่น้อง ไม่ใช่เป็นเพราะคุณไม่มีเงินจ้างคนทำงานบ้าน แต่เพราะคุณรักลูกในทางที่ถูกต้อง คุณต้องการให้ลูกเข้าใจว่า ถึงแม้พ่อแม่จะมีเงิน ซักวันก็จะแก่เฒ่าเหมือนกับแม่ของชายหนุ่มคนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่ลูกควรเรียนรู้คือ การรู้จักซาบซึ้งในความพยายามของผู้อื่น ได้เรียนรู้ความลำบากในชีวิตบ้าง และความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

เครดิต Learning Petals คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

 

 "20 ข้อที่แม่ควรสอนลูกสาว"

 1.ครอบครัวจะเป็นครอบครัวตลอดไป แม่จะรักพ่อเสมอ เราจะอยู่เป็นครอบครัวเพื่อให้ลูกมีที่พึ่งพิง เพื่อเป็นตัวอย่างครอบครัวที่ดีให้ลูกเห็น เพราะเราปรารถนาให้ลูกได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์เช่นกัน

 2.ลูกดูดีเสมอในสายตาของแม่ ความงามเกิดขึ้นได้จากภายใน ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก และแม่รักลูกในสิ่งที่ลูกเป็น

 3.ลูกมีศักยภาพเพียงพอในการทำสิ่งที่ลูกอยากทำ แต่อย่ากลัวที่จะล้มเหลว

 4.สอนลูกให้ปฏิเสธเป็น หากถูกชักจูงให้ทำสิ่งที่ไม่ดีหรือลูกไม่อยากทำ

 5.ลูกควรมีระเบียบวินัยและเรียนรู้ถูกผิดตั้งแต่ในบ้าน เป็นคนที่รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เมื่อออกนอกบ้านจะได้ไม่เป็นที่ระอา

 6.จงทะนงในศักดิ์ศรี พึ่งพาตัวเองได้ เป็นคนมีอารมณ์ขัน และปฏิบัติต่อทุกคนที่ลูกพบด้วยความสุภาพ ไม่ว่าจะเป็นคุณครู ภารโรง หรือ พนักงานขาย เพราะทุกคนมีเกียรติและศักดิ์ศรี

 7.สอนลูกให้กินเป็น อาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่หมกมุ่นกับการกินให้ผอม

 8.สุภาพบุรุษพึงปฏิบัติด้วยความสุภาพและให้ความนับถือต่อลูก ให้ดูพ่อของลูกเป็นตัวอย่างที่ดี อย่ายอมรับสิ่งที่น้อยกว่านั้น เพื่อลูกจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

 9.แต่งกายให้เหมาะสม อย่าดึงดูดสายตาผู้คนด้วยการแต่งกาย เพราะมันไม่ใช่ของจริงแท้สำหรับคนที่จะมาสนใจลูก

10.จงสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้คนที่ดี เพราะเขาเหล่านั้นจะช่วยเติมเต็มและทำให้ชีวิตลูกมีความสุข

11.อย่ายุ่งกับสารเสพติด และ ดื่มอัลกอฮอล์มากเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอันตราย ยิ่งถ้าเป็นเด็กหรือวัยรุ่นยิ่งอันตราย

12.พ่อจะเป็นฮีโร่และคอยปกป้องลูกเสมอ หากมีใครมาทำร้ายลูก

13.เรียนรู้วิธีใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาด เริ่มได้ตั้งแต่เด็ก

14.จงมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นเสมอ

15.อดทน อดกลั้น รอคอย อย่ามีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควร จนกว่าจะพบคนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม 

16.อย่าทำชีวิตให้ซับซ้อน ความเรียบง่าย คือ สิ่งที่ลึกซึ้งและคงทน และช่วยให้ลูกไม่เหนื่อยเกินความจำเป็น

17.ให้เชื่อมั่นในพระเจ้า (ศาสนา) จงยึดมั่นในความดี

18.ให้ลูกรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งที่ทำให้ลูกเป็นลูก จะทำให้ลูกเป็นคนอ่อนน้อม และกตัญญูกับทุกคนที่มีบุญคุณกับลูก

19.จงเป็นคนมุ่งมั่น ไม่ย่นย่อ ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคง่ายๆ เป็นคนหาความรู้ใส่ตัวเสมอ

20.และจำไว้ว่า พ่อและแม่รักลูกเสมอ และ รักตลอดไป

 เครดิต คุณหมอ สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ , Haylee Wilkerson , skinnymom.com,

 

 "20 ข้อที่แม่ควรสอนลูกชาย"

 1.ฝึกเล่นกีฬา เพราะ กีฬาสอนให้รู้จักการชนะอย่างมีเกียรติ แพ้อย่างสง่างาม เชื่อฟังกติกา ทำงานเป็นทีม การแบ่งเวลา การขอเวลานอกเพื่อหาวิธีแก้เมื่อเจออุปสรรค

 2.เวลาฉี่ให้ระวัง เพราะคนอื่นต้องมาทำความสะอาดที่เลอะ

 3.หัดเก็บเงินตั้งแต่เล็ก เพราะวันหนึ่งลูกจะต้องใช้

 4.ให้แม่สอนลูกให้รู้วิธีล้างจาน ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ดูดฝุ่น กวาดบ้าน ถูบ้าน เอาหล่ะ เราไปทำกันเลย

 5.อย่ารังแกคน อย่าเป็นคนเริ่มทำร้ายผู้อื่น แต่ถ้ามีใครมาแกล้ง ก็ต้องป้องกันตัวเอง

 6.การศึกษาและความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครขโมยไปจากเราได้

 7.จงเข้มแข็งและอ่อนโยนในคราวเดียวกัน

 8.จงมั่นใจในตัวเองทุกครั้งที่ต้องปรากฏตัว

 9.ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่ผู้ชายทำ รวมถึงการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการตื่นขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกตอนตี 3 ดังนั้นจึงควรให้ความนับถือภรรยาเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว

10."ครับผม" "ได้ครับ" จงพูดไว้ให้ติดปาก

11.เหตุผลที่เรียกว่า"ของลับ" ก็เพราะว่ามันไม่ควรโชว์ จงอย่าเกามันในที่สาธารณะ

12.เพื่อนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพล จงเป็นผู้นำที่ดีแล้วผู้อื่นจะคล้อยตาม

13.ฝึกการเป็นผู้นำที่อบอุ่นและเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น

14.การเป็นคนจิดใจดี ดีกว่า การเป็นคนที่ถูกต้องเสมอ

15.จงฝึกเป็นคนมีอารมณ์ขัน จะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง

16.จงเลือกคนมาเป็นภรรยาอย่างตรึกตรอง

17.การให้ดอกไม้ภรรยาแบบไม่มีเหตุผล เป็นความคิดที่ดีเสมอ

18.เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว จงอย่าคาดหวังว่าลูกจะได้สิ่งใดจากภรรยา ถ้าลูกไม่สามารถให้สิ่งนั้นกับเธอ

19.ปฏิบัติต่อผู้หญิงทุกคนด้วยความสุภาพ โดยเฉพาะกับภรรยา ไม่เช่นนั้นลูกจะรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดไป

20.และอย่าลืมที่จะโทรศัพท์หาแม่บ่อยๆ เพราะว่าแม่คิดถึงลูกตลอดเวลา

 เครดิต Learning petals , คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

 

 

                           โรงเรียนกวดวิชาอ.ผ่องพรรณ

      สอนพิเศษทั้งระดับชั้นประถมและมัธยมทุกวิชา  สอนสดทุกวิชา

              มีทั้งสอนเดี่ยว กลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่ ไม่มีการใช้เทป

                   โดยคณาจารย์ที่มากประสบการณ์นับสิบปี

            ต้องการเรียนเดี่ยว กลุ่มย่อย รีบติดต่อจองเวลา ด่วน!

            038-278767, 081-8615098, 081-9812199